
แชร์วิธีสร้างความเป็นอมตะ ความเป็นอมตะคือการอยู่ยงตลอดไปโดยไม่สูญสิ้นสลายไปจากโลก ซึ่งเราต่างก็คุ้ยเคยและคุ้นชินกับความเป็นอมตะจากการเสพภาพยนต์หรือซีรี่ส์ต่างๆ ที่ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับชมกัน เช่นในวรรณกรรมสุดคลาสสิกเรื่อง SHE ของผู้แต่งอย่าง Sir Rider Haggard โดยเป็นเรื่องราวของสาวสองพันปีที่รักษาความเป็นอมตะให้กับตัวเองด้วยการอาบ ไฟศักดิ์สิทธ์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวรรณกรรมแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมและโด่งดังมากๆ อีกหนึ่งเรื่อง นอกจากนี้ยังมีภาพยนต์หลายเรื่อง เช่น แฮร์รี่พอตเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย รวมไปถึงโลกของวิทยาศาสตร์ในสมัยก่อนก็มีเช่นเดีนยวกันมาจนถึงกระทั่งยุคสมัยของ ไอแซก นิวตัน ที่มีเรื่องราวของการแสวงหาสิ่งที่เรียกกันว่า PHILOSOHER’S STON หรือที่เรียกกันว่า หินนักปรัชญา ซึ่งจะทำให้ผู้ที่ได้ครอบครองนั้นเป็นอมตะนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเองไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องราวของไฟศักดิ์สิทธ์หรือหินนักปรัชญาเอง ก็ยังคงเป็นเพียงแค่เรื่องเล่าและเรื่องของจินตนาการเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นผู้ที่แสวงหาความเป็นอมตะเองก็ยังคงไม่ยอมแพ้และพยายามที่จะค้นหาวิธีใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น ซึ่งต้องการที่จะ สร้างความเป็นอมตะ ให้กับคนสูงอายุและผู้ที่มีความปรารถนานั่น ทว่าอย่างไรก็ตามความหวังเหล่านั้นจะมีโอกาสเป็นมากแค่ไหนกัน
แชร์วิธีสร้างความเป็นอมตะ 3 วิธีสร้างความหวังความเป็นอมตะ
แน่นอนว่าปัจจุบันนั้นได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่างๆ ขึ้นมาอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดดไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใช้วิตประจำวันที่ทุกคนทั่วโลกสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างทั่วถึงและสบายสะดวก การเดินไปต่างถิ่นที่อยู่อาศัยก็สามารถทำได้ง่ายๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีทางการเพศเองเช่นเดียวกัน ซึ่งได้มีการคิดค้นวิธีการรักษาโรคได้อย่างรวดเร็วและสามารถยืดชีวิตของผู้ป่วยให้สามารถดำเนินขีวิตได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาที่จะสามารถสร้างความเป็นอมตะให้กับผู้คนได้อีกด้วย ซึ่งเป็น วิธีการสร้างความอมตะ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไฟศักดิ์สิทธ์หรือหินนักปราชญ์แต่อย่างใด ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกสร้างขึ้นจากผู้คนและเทคโนโลยีโดยตรง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้การันตรีว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้จริงมากน้อยเพียงใด เพราะฉะนั้นไปดูกันดีกว่าว่าการสร้างความเป็นอมตะด้วยวิธีเหล่านี้มีอะไรบ้าง
การเปลี่ยนอวัยวะ
ซึ่งเป็นวิธีการทางวิทยาศาสตร์ที่จะช่วยยืดอายุของมนุษย์ให้สามารถดำนานชีวิตต่อไปได้ โดยหลักการแล้วร่างกายของมนุษย์นั้นสามารถเปลี่ยนได้ทุกส่วนรวมไปถึงสมองด้วย แต่อย่างไรก็ตามความเป็นอมตะนั้นถ้าหากว่าหมายถึงความรู้สึก ความทรงจำของเฉพาะตัวบุคคลนั้นๆ การเปลี่ยนอวัยวะไปเรื่อยๆ ก็ต้องมีวันใดวันหนึ่งที่ถึงขีดจำกัดสุดท้ายว่าจะเปลี่ยนอวัยวะต่อไปได้หรือไม่ หรือถ้าหากว่าต้องการรักษาความรู้สึกหรือความทรงจำอยู่การเปลี่ยนอวัยวะจึงเป็นวิธีที่สามารถเป็นไปได้และก็กำลังเกิดขึ้นอยู่ก็จะสามารถยืดอายุของบุคคลนั้นไว้ได้แต่ก็คงไปไม่ถึงความเป็นอมตะที่แท้จริง

การทำโคลนนิ่ง
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันเองจะยังไม่มีการโชว์หรือเผยแพร่มนุษย์โคลนตัวเป็นๆ มาให้เห็น แต่สำหรับงการวิทยาศาสตร์โดยทั่วไปก็ไม่ได้มีข้อสงสัยว่าในอนาคตวันใดวันหนึ่งจะที่การเปิดเผยและเผยแพร่ตัวมนุษย์โคลนของจริงให้ได้เห็นกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในวงการวิทยาศาสตร์ก็ยังคงทดลองเรื่องนี้กันอยู่ หลายๆ คนคงมองกันว่ามนุษย์โคลนเป็นตัวตายตัวแทนของเจ้าของเซลล์ตัวจริงและตามหลักพันธุกรรมมนุษย์โคลนจะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับเจ้าของเซลล์ต้นแบบทุกประการ ดังนั้นจึงมีจำนวนหนึ่งมองว่าการโคลนนิ่งมนุษย์เป็นอีกหนึ่งวิธีสร้างความอมตะให้กับมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรม แต่ทว่าความจริงคือมนุษย์โคลนเป็นเพียงฝาแฝดของเจ้าของเซลล์เท่านั้น ดังนั้นความเป็นอมตะหมายถึงการรักษารูปร่างทางกายภาพของบุคคลนั้นให้คงอยู่ตลอดไปเพราะฉะนั้นจึงสามารถ สร้างความเป็นอมตะให้กับมนุษษ์ได้ แต่ความรู้สึกและความทรงจำต้นแบบก็หาใช่ของเจ้าของเซลล์แต่อย่างใดจึงสรุปว่าไม่ใช่ความเป็นอมตะที่แท้จริง

การถ่ายทอดความทรงจำ
เราอาจจะเคยเห็นหรือเคยได้อ่านจากนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์วิทยาศาสตร์กันมาบ้างแล้วบางเรื่อง โดยได้มีการใช้เทคโนโลยีที่สามารถถ่ายทอดความทรงจำได้หรือดึงดูดความทรงจำของคนคนหนึ่งไปให้กับอีกคนได้ ถ้าหากเทคโนยีการถ่านทอดความทรงจำระหว่างมนุษย์เกิดขึ้นได้จริง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่ง วิธีของการชีวิตเป็นอมตะ นั่นคือการรักษาความทรงจำของบุคคลหนึ่งให้คงอยู่ตลอดไป โดยคนที่ได้รับการถ่ายทอดความทรงจำนั้นอาจเป็นคนอื่น ผลลัพธ์ที่ได้คือการเป็นมนุษย์คนใหม่แต่ความทรงจำยังคงเป็นของคนที่ต้องการเป็นอมตะหรือถ้าหากว่าถ่ายทอดความทรงจำเป็นสองทอดก็จะได้เป็นคนเดิมที่ร่างกายได้รัยการซ่อมแซมใหม่ โดยวิธีการต่างๆ เป็นผู้ที่ต้องการความเป็นอมตะคนเดิมกับร่างเดิมที่ยังเหลืออยู่ สำหรับการถ่ายทอดความทรงจำนั้นจะมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามนุษย์แต่ละคนล้วนมีความทรงจำให้รูปแบบสัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์ที่ทารกทุกคนจะมีพฤติกรรมการแสดงออกที่เหมือนกัน เสมือนการถ่ายทอดสัญชาตญาณผ่านยีนหรือพันธุกรรม แต่ก็ยังห่างไกลจากเรื่องของการถ่ายทอดความทรงจำที่มนุษย์แต่ละคนสั่งสมขึ้นมาหาใช่สัญชาตญาณแห่งความเป็นมนุษย์

เครดิต : themysteriousth.com
ติดตามเรื่องราวอื่นๆ : LINE : @Ufa365s