
ป่าคำชะโนด เป็นสถานที่ ๆ ปรากฏในตำนานพื้นบ้าน เป็นสถานที่ ๆ เชื่อว่าเป็นที่เป็นที่ๆชาวบ้านเชื่อว่าเป็นที่สิงสถิตของพญานาคและสิ่งลี้ลับต่าง ๆ บ่อยครั้งที่ชาวบ้านในละแวกนั้น จะพบเห็นชาวเมืองชะโนดไปเที่ยวงานบุญพระเวสสันดร รวมถึงหญิงสาวที่มายืมเครื่องมือทอผ้าอยู่เป็นประจำ และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงที่อำเภอบ้านดุง แต่น้ำก็ไม่ท่วมบริเวณคำชะโนด เมื่อระดับน้ำลดลง คำชะโนดก็ยังคงอยู่เช่นเดิมแต่ทว่าแท้ที่จริงแล้ว ณ ที่แห่งนี้ ก็เคยเกิดน้ำท่วม โดยเคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2516, พ.ศ. 2538, พ.ศ. 2559 และ พ.ศ. 2560 ทั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากการที่มีการก่อสร้างถาวรวัตถุต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิมในอดีต จึงทำให้พื้นที่ของเกาะซึ่งลอยน้ำอยู่นั้นมีความหนัก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องจมน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงกลางปี พ.ศ. 2560 ถึงกับต้องปิดสถานที่แห่งนี้เป็นการชั่วคราวแล้วจึงปรับปรุงใหม่โดยขุดคลองรอบๆให้ลึกลงเพื่อป้องกันน้ำในฤดูฝนจนถึงทุกวันนี้
เรื่องราวในสังคม เรื่องราวของวังนาคินทร์คำชะโนด หรือป่าคำชะโนด กลายเป็นข่าวคราวโด่งดังขึ้นมาในช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2543 เมื่อปรากฏว่ามีกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าสามารถบันทึกวิดีโอภาพของเปรตและรุกขเทวดาได้ที่ป่าแห่งนี้ ก่อนที่ความจะแตกว่าเป็นเรื่องหลอกลวง แต่ในความจริงของชาวบ้านในพื้นที่ยังคงเคารพและนับถืออยู่เช่นเดิมแต่ยังไม่แพร่หลายเหมือนปัจจุบันนี้
แต่จากนั้น เรื่องราวความลี้ลับในป่าคำชะโนดก็กลายเป็นที่รับรู้และสนใจของคนในสังคมทั่วไป จนหนึ่งในเรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์ของสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2550 เรื่อง ผีจ้างหนัง
ป่าคำชะโนด เกาะลอยน้ำ มีต้นไม้ที่เรียกว่า “ต้นชะโนด” เกิดขึ้นเต็มไปหมด
เมื่อเข้าไปที่ ป่าคำชะโนดอากาศจะเย็นสบายเหมือนติดแอร์ ที่นี่ พอถึงหน้าฝน รอบๆ เกาะ น้ำจะท่วมทุกปี แต่ที่ คำชะโนด น้ำจะไม่ท่วม ดูเหมือนว่า เกาะนี้จะลอยขึ้นตามน้ำ คือ ถ้าหากน้ำขึ้นก็ขึ้นตาม น้ำลงก็ลงตาม น่าประหลาดมากๆ น้ำจะเอ่อล้นมาจาก “แม่น้ำสงคราม” ซึ่ง แม่น้ำสงคราม จะไหลลงสู่แม่น้ำโขงที่ คำชะโนด แห่งนี้ ชาวบ้านบอกว่า มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เรียกว่า “ปล่องพญานาค” เคยมีคนนำไม้ไผ่ลำยาวๆ 3 ต้นมาต่อกัน แล้วหยั่งลงไป ปรากฏว่ายังไม่ถึงพื้นเลย แต่แปลกที่ว่าเมื่อโยนเหรียญลงไป จะมองเห็นเหรียญได้หมด น้ำใสมาก ชาวบ้านมีความเชื่อว่า พญานาค ได้ออกมาจากปล่องนี้
ปาฏิหาริย์ครั้ง ปี พ.ศ.2519 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง รวมทั้งท้องที่อำเภอบ้านดุง แต่น้ำไม่ท่วมคำชะโนด ชาวบ้านละแวกนั้นให้คำตอบไว้ว่า ที่น้ำไม่ท่วมเพราะพญานาครักษาไว้ เนื่องจากมีศาลบูชาพญานาค 2 ท่าน โดยนาคบริวารช่วยกันร่ายมนตร์แล้วหนุน ดุน ดัน แผ่นดิน เป็นเหตุให้สูงขึ้นจนพ้นน้ำ บั้งไฟพญานาค

คำชะโนด ได้มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ ผีจ้างหนัง
ป่าคำชะโนดกลายเป็นสถานที่เลื่องชื่อชั่วข้ามคืนก็เพราะเรื่องเล่า “ผีจ้างหนัง” อันสุดแสนมหัศจรรย์พันลึกที่เกิดขึ้น เมื่อบริษัทหนังชื่อดังของภาคอีสาน ถูกว่าจ้างจากใครคนหนึ่งให้ไปฉายหนังกลางแปลงในหมู่บ้านวังทอง ด้วยจำนวนเงิน 4,000 บาท แต่มีข้อแม้คือ ต้องฉายจบแค่ตี 4 ของวันใหม่ และให้ออกจากหมู่บ้านก่อนฟ้าสาง โดยห้ามหันหลังกลับมามอง หนังเริ่มฉายตั้งแต่หัวค่ำ ไม่มีผู้คนมาดูเลย พอ 3 ทุ่ม มีคนมาดูจำนวนเยอะมาก แต่ที่แปลกก็คือ ผู้หญิงจะนุ่งขาวห่มขาวนั่งอยู่ด้านหน้า ส่วนผู้ชายใส่เสื้อผ้าสีดำนั่งอีกข้าง และทั้งหมดก็นั่งกันสงบเรียบร้อยเหมือนไม่มีการเคลื่อนไหวตัวเลย ยิ่งกว่านั้นไม่ว่าจะฉายหนังอะไร ก็ไม่มีการส่งเสียงเอะอะเหมือนหนังกลางแปลงทั่วไป ฉายหนังบู๊ก็เฉย ฉายหนังตลกก็เงียบ แต่ที่น่าแปลกคือ ในงานไม่มีร้านขายของกินของใช้ แม้แต่ร้านขายบุหรี่ก็ไม่มี
ซึ่งเรื่องราวทั้งหมด ถ่ายทอดไว้ในปี 2532 จากประสบการณ์ตรงของลูกน้องที่โดนผีจ้างหนังไปฉาย หลายปีผ่านมาแล้ว ดูเหมือนเรื่องเล่านี้ยังคงเป็นที่โจษขานสืบมา โดยเฉพาะในหมู่ชาว ต.วังทอง ผู้เชื่อมั่นและศรัทธาต่อผืนป่าเหตุการณ์ “ผีจ้างหนัง” จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดว่ามีอยู่จริง แม้อาจไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะสามารถพิสูจน์ได้ ป่าคำชะโนดเป็นชื่อที่ตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เนื่องจากบริเวณนั้นมีต้นชะโนด (อยู่ในตระกูลเดียวกับปาล์ม คล้ายๆ ต้นตาล ต้นหมาก หรือไม่ก็ต้นมะพร้าว แต่สูงกว่า) ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทิวชะโนดสูงเด่นเป็นสง่า แต่ที่น่าแปลกใจคือ หากพ้นจากดงชะโนดแห่งนี้ไป ห่างกันแค่ไม่ถึง 300 เมตร ก็ไม่มีต้นชะโนดปรากฏให้เห็นแม้แต่ต้นเดียว นี่เองจึงทำให้ผืนดินราว 20 ไร่ ถูกตั้งฉายาให้เป็นป่าแห่งชะโนดขนานแท้
ไปแล้วจะต้องปฏิบัติแบบไหน
แรงศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศที่เดินทางไปยังสถานที่นี้ กันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้คณะกรรมวัดได้ออกกฎระเบียบ 6 ข้อ ได้แก่
1. ไม่จุดธูปเทียนบูชาในป่าคำชะโนด ซึ่งเป็นการป้องกันเกี่ยวกับไฟที่เราจุดอาจลุกลาม
2. ให้นำพานบายศรีหรือเครื่องเซ่นไหว้กลับ เพื่อเป็นการลดขยะ เพราะในปัจจุบันปริมาณขยะที่นี่สูงมาก
3. ไม่โยนเหรียญและสิ่งต่างๆลงบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
4. งดปล่อยปลาและสัตว์น้ำลงไปในแหล่งน้ำซึ่งอาจทำให้ปลาธรรมชาติที่มีอยู่อาจโดนปลาและสัตว์น้ำต่างๆที่นำมาปล่อยกินลูกปลาเหล่านี้
5. ไม่ผูกผ้าแพร 7 สีหรืนำด้ายต่างๆไปผูกถือเป็นการลบหลู่สิ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่นับถือ
6. ไม่ทาแป้ง ขัดถูต้นไม้ หรือถากเปลือกไม้เพื่อหาเลขเด็ดจะเป็นสิ่งที่ดูแล้วไม่สบายตา
เครดิต : themysteriousth.com
ติดตามข่าวสาร : เรื่องลี้ลับ เรื่องหลอน