ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน

ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน จังหวัดเชียงราย นักธรณีวิทยาได้จัดลำดับให้ ถ้ำหลวงเป็นถ้ำที่ยาวเป็นอันดับที่ 4 ของประเทศไทย ด้วยความยาวทั้งหมด 10,316 เมตร เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ มีน้ำซับตลอดทั้งปี และจะมีน้ำไหลในช่วงฤดูฝน

ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยสวยงาม เกล็ดหินสะท้อนแสง ธารน้ำและถ้ำลอด ถ้ำหลวงจึงเป็นหนึ่งในถ้ำที่ยังคงมีการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอด เพราะยังไม่มีใครเคยไปถึงจุดที่ลึกที่สุด และมีค้างคาวอาศัยอยู่ด้วย

ถ้ำหลวง เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ เชื่อกันว่ามีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยเนื่องจาก มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้างมากภายในถ้ำจะพบกับความงามของ เกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด ถ้ำหลวงยังรอคอยความท้าทายการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา เพราะสำรวจไปได้ไม่ถึงที่หมายก็ต้องล่าถอยออกมาด้วยพบกับอุปสรรคความยากลำบาก ภายในถ้ำและยังมีถ้ำเล็กๆ อีก 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน สามารถเดินเข้าไปชมความงามได้ และควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย โดยที่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมภายในถ้ำ ไม่พบหลักฐานทางโบราณคดี

ประวัติ ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน

ถ้ำหลวงแห่งนี้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ กรมป่าไม้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นวนอุทยานเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2529 ครอบคลุมหัวดอยนางนอน ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดอยนางนอน ท้องที่รับผิดชอบของ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย มีพื้นที่สำหรับบริการนักท่องเที่ยวอยู่ 2 แห่ง คือ

  1. บริเวณวนอุทยานถ้ำหลวง มีเนื้อที่ 12 ไร่ ตั้งอยู่ท้องที่บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นที่ตั้งสำนักงาน
  2. บริเวณขุนน้ำนางนอน มีเนื้อที่ 8 ไร่ ตั้งอยู่ท้องที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย
 

โดยลักษณะภายนอกของ วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน นั้น จะเห็นเป็นทิวเขาคล้ายรูปผู้หญิงสยายผม นอนทอดกายยาวขนานไปกับถนนในเขต อ.แม่จัน และ อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง โดยจะเห็นคล้ายมือขวา ส่วนหัว หน้าอก และลำตัวอย่างชัดเจน คนในพื้นที่จะเรียกกันว่า “ดอยนางนอน” มีจุดสูงสุดคือ “ผาช้างมูบ” ซึ่งมีความสูงจากน้ำทะเลประมาณ 830 เมตร

ตำนานของถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน 

ตำนานที่ 1

      เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา รักกับชายเลี้ยงม้าในวัง และทรงครรภ์ จึงหนีตามกันไปจนถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง ขณะนั้นเจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้วจึงเดินทางต่อไม่ไหว ชายหนุ่มจึงอาสาออกไปหาอาหารมาให้ แต่หายไปไม่กลับมาอีกเลย

      เจ้าหญิงโดนทหารของพระราชบิดา มาล้อมจับได้ และทราบข่าวว่าชายคนรักถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาไปแล้วในป่า นางเสียใจมาก เลยเอาปิ่นปักผมแทงพระเศียรตนเอง จนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็น “แม่น้ำแม่สาย” ร่างที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็น “ดอยนางนอน” และตรงท้องที่นูนขึ้นมาก็เป็น “ดอยตุง” อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

ตำนานที่ 2

       พญานาคตัวหนึ่งออกตามหาลูกสาวที่ถูกพญาครุฑลักพาตัวไป จนพบลูกสาวนอนอยู่ตรงบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน” พญานาคขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑขอแลกตัวนางกับทองคำ
ทุกวันนี้แหล่งน้ำที่พญานาคนำทองคำขึ้นจากบาดาลนั้นเรียกว่า “หนองตานาค” บริเวณที่พญานาคส่งทองคำให้พญาครุฑเรียกว่า “หนองละกา” ส่วนทองคำถูกนำไปเก็บไว้ที่ “ถ้ำทรายทอง” และพญานาคยังได้สร้างเจดีย์ เป็นอนุสรณ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “พระธาตุจอมนาค” จนถึงปัจจุบัน 

ตำนานที่ 3

      เจ้าหญิงเมืองพุกาม กรีธาทัพออกตามหาเจ้าชายที่นางรัก นางออกรบ และขยายอาณาเขตมาเรื่อยๆ จนมาถึง “เวียงสี่ทวง” จึงพบกับเจ้าชาย แต่ปรากฏว่าเจ้าชายหนีหายไปกับสาวสวยชาวเวียงนี้อีกครั้ง นางรู้สึกเศร้าสลดจนตรอมใจตาย

       ก่อนตายได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ร่างของนางกลายเป็นเทือกเขา ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า “ดอยนางนอน” น้ำตาที่ไหลรินกลายเป็น “ขุนน้ำนางนอน” ส่วนไพร่พลของนางก็กลายมาเป็นชนเผ่าหลากชาติพันธุ์บนภูเขาแห่งนี้นั่นเอง

เครดิต : themysteriousth.com

ติดตามข่าวสาร : เรื่องลี้ลับ เรื่องหลอน